ประกันสุขภาพไม่ทำได้หรือเปล่า?
เรื่องการทำประกันก็เป็นเรื่องที่คุยกันมาสักพักใหญ่ ว่าเราควรจะทำประกันหรือไม่ควรทำดี บางคนยังไม่เคยมีประกันก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งบอกว่าประกันต้องทำนะ ไว้ป้องกันความเสี่ยง แต่ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งบอกว่าอย่าทำเลยประกันเนี่ย เหมือนโยนเงินทิ้งไปเปล่า ๆ ถ้าเราไม่ได้ป่วยไม่ได้ตายก็ไม่ได้เงินหรอก แบบนี้ก็ต้องมาคุยกันว่าเราควรจะคิดหรือว่าตัดสินใจเรื่องการทำประกันยังไง
ประกันมีกี่ประเภท
มาเริ่มกันที่ประกันมีกี่ประเภท แล้วก็ประกันนี้จะครอบคลุมคุ้มครองยังไง จริง ๆ ประกันก็แบ่งเป็นสองกลุ่ม คือประกันที่คุ้มครองตัวบุคคล กับประกันที่คุ้มครองตัวทรัพย์สินตัวบุคคล ก็จะมีแยกย่อยออกไปอีก อย่างเช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ ประกันสะสมทรัพย์ แล้วก็ประกันควบการลงทุน
ส่วนประกันวินาศภัยที่คุ้มครองทรัพย์สินก็จะเป็นพวกอัคคีภัยแล้วก็รถยนต์ แต่ละอย่างมักจะคุ้มครองไม่เหมือนกันก็จะตรงตามชื่อ อย่างประกันชีวิตสมมุติถ้าเราตายคนที่เอาประกันหรือคนที่เราลงชื่อไว้เขาก็จะได้เงินส่วนนั้นไป หรือประกันสุขภาพเวลาเราป่วยไปหาหมอที่โรงพยาบาล ประกันก็จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้
คำถามคาใจ
มาตอบคำถามที่คาใจหลายคนก่อนดีกว่าไม่ทำประกันได้ไหม ก็ต้องขอตอบว่าได้ แต่เราจะต้องมีเงินเก็บก้อนหนึ่งสำหรับกรณีที่เราเจ็บป่วย หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน ก็จะได้เอาเงินก้อนนี้ไปใช้ในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล การเก็บเป็นเงินสดแบบนี้ก็มีข้อดีนะ เราสามารถควบคุมแล้วก็ปรับได้หมดเลย สมมุติว่าตอนนี้เรามีเงินพอใช้คล่องมือ และเราอยากเก็บมากหน่อยเราก็คำนวณว่าเราอยากเก็บกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน หรือว่าถ้าเดือนไหนรู้สึกว่าเริ่มตึงแล้วนะ เดือนนี้มีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเยอะมากเลย เราขอปรับเปอร์เซ็นต์ก็ทำได้ หรือว่าเดือนไหนมีความจำเป็นมากเลยอยากเอาเงินก้อนนี้ไปใช้อย่างอื่น แบบนี้เราก็ดึงเงินไปใช้ได้
แต่การเก็บเงินแบบนี้ก็มีข้อต้องระวังก็คือเรื่องของการที่เราเก็บเงินไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่าย ขอยกตัวอย่างง่ายๆนะ สมมุติว่าเราตัดสินใจวางแผนจะเก็บเดือนละ 1,000 บาท เก็บไปเรื่อยๆ แต่มกราคมจนถึงธันวาคม ถ้าถึงเดือนธันวาคมเราก็จะมีเงิน 12,000 บาท แต่ดันป่วยไปหาหมอตอนเดือนธันวา แอดมิทเสียค่าใช้จ่ายไป 20,000 บาทแสดงว่าเงินที่เราเก็บ12,000 มันไม่พอแล้วนะ จากค่าใช้จ่ายที่เราต้องเสีย 20,000บาท แบบนี้มันก็จะไม่ครอบคลุมทำให้เราก็ต้องไปเสียเงินเยอะอยู่ดี ฟังแบบนี้จะรู้สึกว่าเริ่มอยากซื้อประกันแล้ว
ถ้าเราจะทำประกันก็สามารถเลือกได้แล้วแต่แบบเลย แต่จะมีเรื่องชวนคิดอยู่สองเรื่อง อันแรกก็คือเรื่องของความเสี่ยงที่เราต้องเจอ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของรายได้ของเรา เรื่องความเสี่ยงอาจจะต้องดูนะว่าตัวเราเป็นคนที่เจ็บป่วยออดแอดเข้าโรงพยาบาลบ่อยมั้ยแบบนี้แล้วอาจจะต้องทำประกันสุขภาพ หรือว่าถ้าเราเป็นคนที่ต้องขับรถไปทำงานเยอะๆ บางทีขับรถไปต่างจังหวัดอีก อันนี้ก็จะต้องทำประกันอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์เราก็ต้องดูนไว้ว่าความเสี่ยงของเรามากน้อยแค่ไหน แล้วเหมาะกับประกันแบบไหนมากกว่ากัน
เรื่องรายได้ก็ต้องดูอีกว่ารายได้ของเราเหมาะกับแพ็คเกจที่เราสนใจหรือเปล่า บางทีแพ็กเกจประกันครอบคลุมเยอะมาก วงเงินเยอะมากเลย แต่เบี้ยประกันก็แพงเหลือเกินอันนี้อาจจะไม่เหมาะ แต่ว่าเบี้ยประกันเราควรจะจ่ายสัก 10 – 20% ของรายได้ยังพอไหว ถ้าสมมุติเกินไปกว่านั้นอาจจะตึงไปนิดนึง ไม่ทันจะได้ใช้จ่ายอย่างอื่นแล้วนะก็คือจ่ายเบี้ยประกันแบบนี้ก็อาจจะไม่ไหว
อย่างตอนที่แอดจะเลือกทำประกันสุขภาพ ก็บอกตัวแทนประกันลองเสนอให้หน่อย เวลาเราเลือกดูก็ต้องดูว่าเราเหมาะไหม อย่างแอดเป็นคนที่ชอบเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ชอบหรอกแต่ว่าเหมือนเข้าโรงพยาบาลบ่อยเนาะ คือส่วนใหญ่จะท้องเสียมั่ง ลำไส้อักเสบบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นโอพีดีใช่มั้ย ก็คือผู้ป่วยนอกเข้าบ่อย เลยลองมาคำนวณแล้วโอ้โหหลายบาทมากเลย เราก็เลยเลือกแพ็กเกจที่มันมีวงเงินของการไปหาผู้ป่วยนอกเยอะหน่อย แบบเหมารายปีแบบนี้ ก็ลองดูนะว่าแพ็กเกจไหนที่น่าจะตอบโจทย์กับเราแล้วก็เหมาะกับเรามากกว่ากัน
มีประกันกลุ่มหรือประกันสังคมอยู่แล้วจำเป็นต้องทำประกันสุขภาพไหม
แต่ก็จะมีคำถามที่บอกว่าถ้าสมมุติมีประกันสังคมอยู่แล้วหรือมีประกันกลุ่มที่บริษัททำให้อยู่แล้วยังจำเป็นจะต้องทำประกันสุขภาพอีกหรือเปล่า อันนี้ก็ต้องมาดูอีกนะว่าเราพอใจกับสิทธิการรักษาที่เราได้จากประกันสังคมหรือว่าสิทธิการรักษาที่ได้จากประกันกลุ่มหรือเปล่า
แอดก็เคยมีประกันกลุ่มบริษัทเคยทำไว้ให้ อันนี้ OPD หรือผู้ป่วยนอกในวงเงินสองพันบาท ตอนแรกเราก็โอเคมันก็พอ และสักพักเริ่มแบบป่วยเยอะขึ้นเวลาไปหาหมอแต่ละทีต้องจ่ายส่วนต่างตลอดเลย เริ่มคิดแล้วนะว่าจะต้องทำประกันสุขภาพหรือเปล่า แต่ตอนนั้นแค่เริ่มคิดยังไม่ได้ตัดสินใจ สักพักต้องไปแอดมิทโรงบาลเอกชนสุดท้ายโดนส่วนต่างอีกสองหมื่นกว่าบาท สำหรับแอดสองหมื่นกว่าบาทคือได้ประกันสุขภาพเหมาจ่ายดีๆ หนึ่งแพ็กเกจเลยนะ เราก็เริ่มตัดสินใจแล้วถ้างั้นจะต้องทำประกันสุขภาพส่วนตัว นี่เป็นเหตุให้แอดเริ่มสนใจประกันสุขภาพ
ส่วนสิทธิการรักษาประกันสังคมก็อาจจะมีข้อจำกัดอยู่นะ บางโรคก็จะมีวงเงินจำกัดอยู่ หรือว่าตัวยาบางอย่างเขาจะมีเกณฑ์ไว้อยู่ว่าถ้าเป็นสิทธิประกันสังคมจะจ่ายยาตัวนี้ก่อน แล้วก็ถ้าเป็นสิทธิอื่นอาจจะได้ยาตัวอื่น เวลาที่เรารักษาโรคบางโรคเนี่ยยาที่อยู่ในสิทธิประกันสังคมก็อาจจะไม่สามารถรักษาได้ คุณหมอบอกว่าขอไปใช้ยาที่อยู่นอกสิทธิประกันสังคมได้ไหมแบบนี้ก็จะมีส่วนต่างนะ
แอดเองก็มีประกันสังคมตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงปัจจุบันเลย เคยไปรักษาโรงพยาบาลที่อยู่ในสังกัดประกันสังคมก็รู้สึกว่าใช้เวลาค่อนข้างนานแทบจะครึ่งวันเลยในการนั่งรอคุณหมอ เราเลยคิดว่าเราใช้ประกันสังคมเฉพาะการทำฟันแล้วก็การตรวจสุขภาพประจำปี
แต่ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีความคิดว่าประกันกลุ่มประกันสังคมสำหรับตัวเองมันพออยู่แล้วก็ไม่ว่ากัน แต่ก็จะต้องมีเรื่องระวังก็คืออย่างที่จะบอกไปว่าทั้งประกันกลุ่มและประกันสังคมก็จะต้องมีการจ่ายส่วนต่างบ้าง อันนี้อาจจะต้องเก็บเงินอีกส่วนหนึ่งนิดนึง เผื่อเวลาที่ต้องจ่ายส่วนต่างจะได้มีเงินไปจ่าย
การทำประกันสุขภาพก็เป็นทางเลือกที่ดีที่เราจะให้ประกันมาครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้เรา ถ้าเราสนใจที่จะทำประกันสุขภาพ เราก็ต้องดูว่าประกันเหมาะกับตัวเราไหม ทั้งเรื่องของความเสี่ยงที่เราต้องเจอ รายได้ที่เรามี เวลาเลือกประกันก็ต้องดูทั้งบริษัทประกัน ความน่าเชื่อถือของตัวแทนด้วย
แต่ถ้าเพื่อนๆ บอกว่าไม่ได้อยากทำประกันตัดสินใจแล้วไม่เอาดีกว่า อันนี้เพื่อนๆ ก็ต้องเก็บเงินแล้วก็จัดสรรบริหารเงินให้ดี ยังไงก็ตามการที่เราจะตัดสินใจทำประกันหรือไม่ทำประกัน เราจะต้องเลือกวิธีมาใช้ในการบริหารความเสี่ยงของเรา จะทำประกันก็ได้ จะเก็บเงินก็ได้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังลังเลอยู่